โดย "สาลิกาดง" มีฟอร์มน่าจับตามอง ชนะ 7 จาก 9 นัดหลังสุดในทุกรายการ แม้จะไร้เงา โชเอลินตอน ที่เจ็บเข่าและ อิซัค ยังไม่อยู่ในฟอร์มเก่ง แต่ทีมยังพึ่งพาการเล่นเกมเพรสซิ่งหนักแน่นในระบบ 4-3-3 ได้ดี หาก ทริปเปียร์ กับ ชาร์ ฟิตทัน โอกาสเก็บชัยก็มีสูง

ฝั่ง "สิงห์บลูส์" เชลซี เปลี่ยนบรรยากาศในทีมหลังคัมแบ็กชนะฟูแล่ม-เอฟเวอร์ตัน และเฉือนลิเวอร์พูลในเกมล่าสุด บรรดาแข้งสำคัญอย่าง โคล พาล์มเมอร์, โมเซส ไกเซโด้ และ โรเมโอ ลาเวีย มีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะพาล์มเมอร์ที่เพิ่งปลดล็อกการทำประตูและกลับมาสร้างความแตกต่างได้อีกครั้ง

ผลแพ้-ชนะมีผลมากกว่าศักดิ์ศรี เพราะหากหลุดจากท็อปไฟว์ นิวคาสเซิลอาจเสียผู้เล่นหลักอย่างอิซัคหรือบรูโน่ อีกทั้งงบซื้อตัวจะลดลงจากราว 150 ล้านปอนด์ เหลือแค่ครึ่งเดียว ส่วนเชลซี หากพลาดอีกปีอาจเจอแรงกดดันจากแฟนบอล แม้บอร์ดจะยังหนุนมาเรสก้า โอกาสไปแชมเปียนส์ลีกจึงไม่ใช่แค่เป้าหมาย แต่คืออนาคตของทีม

เกมนี้ต้องจับตาว่า ใครจะก้าวขึ้นมาเป็นฮีโร่ในยามที่เดิมพันสูงสุด ทั้งสองทีมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากชัยชนะ!